Chainlink (LINK) คืออะไร

Chainlink (LINK) คือแพลตฟอร์ม Oracle ที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง Smart Contracts กับ Real World Data (Off-Chain Data) อย่างเช่น การชำระเงินจากผู้ให้บริการทางการเงิน (ธนาคาร, Visa, Paypal), ราคาสินค้าโภคภัณฑ์, หุ้น, สภาพอากาศ, ผลกีฬา, รวมถึง ดัชนีต่างๆ ได้แบบ Real Time

Chainlink ใช้หลักการการทำงานแบบ Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งจะจำนวนเหรียญ LINK ที่ Node หรือ Data Providers ถือครองไว้ในการการคัดเลือกผู้ตรวจสอบข้อมูล โดยจำนวน LINK จะแสดงถึงความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการข้อมูลรายนั้นๆ
.
ผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลจาก API ที่ทาง Chainlink ให้บริการ ไปใช้งานบน Smart Contracts เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อย่างเช่นระบบ Lending and Borrowing , Mirrored assets, Stablecoins, Options and Futures ที่เราได้เห็นบนแพลตฟอร์ม DeFi กัน ไม่เพียงเท่านั้น Chainlink ยังมีเทคโนโลยี Chainlink VRF ที่ช่วยในการสุ่มผลลัพธ์ต่างๆอย่างโปร่งใส จึงถูกในไปใช้งานในการสุ่ม Lottery และ NFT ในหลายๆโปรเจค
.
แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ นั้นคือเทคโนโลยี Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) ที่จะช่วยให้แพลตฟอร์ม Smart Contracts, DApps, หรือแม้กระทั่งแต่ละ Chains สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทีมพัฒนาไม่จำเป็นต้องใช้เวลาไปกับการเขียนโค้ดขึ้นมาใหม่เพื่อนำ DApps ไปใช้งานบน Chains อื่นๆ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาในการโอนสินทรัพย์ข้าม Network ที่อาจจะทำให้เกิดการสูญหายจากความผิดพลาดของผู้ใช้งาน

ณ ขณะนี้ Chainlink มีฐานผู้ใช้งานกว่า 1,000 โปรเจค บน 12 Networks เช่น 1inch, AAVE, AutoFarm, Compound, PancakeSwap, SushiSwap
ในส่วนของ Tokenomics
เหรียญ LINK นั้น มี Max Supply อยู่ที่ 1,000,000,000 LINK โดยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเป็นตัวกลางในการซื้อขายข้อมูลต่างๆบน Network ซึ่งค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปตามทรัพยากรที่ใช้, ประเภทของข้อมูล, การคำนวณ, รวมถึงช่วงเวลาของข้อมูลที่ต้องการ
.
สำหรับการเติบโตของ Chainlink นั้นก็สามารถดูได้จากตลาด Cryptocurrencies โดยรวม เพราะถ้าตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น ความต้องการในการใช้งาน Oracle อย่าง Chainlink ก็ต้องมีมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเนื่องจาก Chainlink เป็นโปรเจคที่รองรับระบบการทำงานแบบ Cross-Chain จึงทำให้พอจะวางใจได้ว่า ไม่ว่า Chain ไหนจะเป็นผู้นำในสงคราม Smart Contracts ก็ตาม Chainlink ก็ยังจะเติบโตต่อไปได้อยู่ดี และแน่นอนว่าฐานผู้ใช้งาน Chainlink นั้นไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่กลุ่ม Cryptocurrencies เท่านั้น แต่รวมถึงภาคธุรกิจอย่างเช่น ระบบ Cloud และบริษัทประกันภัยอีกด้วย
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเสี่ยงของ Chainlink ก็ไม่ได้เป็น 0 ซะทีเดียว เพราะในอนาคต Chains ต่างๆอาจจะพัฒนา Oracle แบบ Built-In ก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า Chainlink จะทำอย่างไรเพื่อปิดความเสี่ยงในจุดนี้
.
บทความนี้ไม่ใช่การแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด
.
#DYOR ทำความเข้าใจเพิ่มเติมและวางแผนให้ดีก่อนลงทุน
#Chainlink #LINK #Oracle #SmartContracts #Web3
.