Cosmos (ATOM) คืออะไร
Cosmos (ATOM) เป็นแพลตฟอร์ม Smart Contracts ที่ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ระหว่าง Blockchains ต่างๆ เช่นเดียวกับ Polkadot (DOT) โดยนำเสนอเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Inter-Blockchain Communication Protocol (IBC) ที่จะช่วยให้แต่ละ Blockchains สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ข้อมูล หรือการโอนสินทรัพย์ระหว่าง Network โดยมี Cosmos เป็นศูนย์กลาง ด้วยสาเหตุนี้ Cosmos จึงได้ถูกเรียกว่า The Internet of Blockchains
.
และด้วยตัว IBC นี้เอง ทำให้การโอน Token ระหว่าง Network สามารถทำได้อย่างแท้จริง ต่างจากระบบ Bridge ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำงานด้วยวิธี Lock & Mint จึงทำให้เกิดเหรียญ อย่าง Wrapped Bitcoin (WBTC) ขึ้นมา (คล้ายกับการแลกคูปองเพื่อไปใช้งานใน Food Court)
.
Cosmos เลือกใช้การทำงานแบบ Proof-of-Stake (PoS) ร่วมกับ Tendermint BFT ที่ทำงานได้เร็วและปลอดภัย อีกทั้งยังรอบรับภาษาที่ใช้ในการพัฒนาอย่างหลากหลาย ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ Solidity และยังสร้าง Cosmos SDK ขึ้น เพื่อช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง DApps หรือ Smart Contract บน Cosmos ได้ง่ายกว่าบน Chains อื่นๆ เนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ และไม่ต้องเริ่มเขียนโค้ดใหม่จากศูนย์
.
โครงสร้างของ Cosmos สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน
Hub — คือ Blockchain หลัก หรือศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับ Zone ต่างๆ (Blockchains หรือ DApps อื่นๆ) เพื่อให้แต่ละ Zone สามารถทำงานร่วมกันได้ โดยมี Cosmos Hub มาทำหน้าที่เป็นตัวแปลงการทำงานให้ทุกๆ Network ที่มีวิธีการทำงานต่างกัน สามารถสื่อสารกันได้
Zone — คือ Blockchains หรือ DApps ที่เชื่อมต่อกับ Hub เช่น Binance Smart Chain (BSC), Ethereum, หรือ MakerDAO ทำให้สามารถทำงานร่วมกับ Zone อื่นๆใน Hub เดียวกันได้
ในปี 2021 Cosmos ได้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆมากมาย รวมถึง Axelar, Band Protocol, Binance Smart Chain (BSC), Crypto.com (Cronos), Celer Network, KuChain, Polygon, Terra และตั้งใจว่าจะเชื่อมต่ออีกกว่า 200 แพลตฟอร์มในปี 2022 อย่างเช่น Bitcoin, Celo, Polkadot, Kusama อีกด้วย โดยตอนนี้ มีสินทรัพย์รวมมูลค่ากว่า 63,000 ล้านดอลล่าร์ และมีการทำธุรกรรมระหว่าง IBC Chains ด้วยกันทั้งหมด 5.8 ล้านครั้ง บน 28 Chains
ในเรื่องของ Tokenomics ทาง Cosmos อาจจะไม่ได้ออกแบบมาได้ดี เมื่อเทียบกับ Polkadot (DOT) เพราะว่าความต้องการในการใช้งานเหรียญ ATOM แทบจะขึ้นอยู่กับคนที่มาสร้าง Chains หรือ DApps เป็นหลัก และถึงแม้ว่า ATOM จะถูกใช้งานเป็นค่า Gas ในการทำธุรกรรม แต่ก็ไม่ได้บังคับให้ต้องใช้งานซักเท่าไหร่ เพราะเหรียญ ATOM จะถูกใช้งานเมื่อเกิดการทำธุรกรรมผ่าน Cosmos Hub เท่านั้น
.
อีกเรื่องที่ต้องเน้นย้ำคือ เหรียญ ATOM นั้นไม่มี Max Supply และมีอัตราเฟ้อที่ 7–20% ในแต่ละปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณเหรียญ ATOM ที่ถูก Stake ไว้ ดังนั้นการนำเหรียญ ATOM ไป Stake ก็เป็นการป้องกันการเฟ้อในส่วนนี้ได้ เพราะจะทำให้ได้รับผลตอบแทนราวๆ 9.7% APY
.
โดยพื้นฐานแล้ว Cosmos นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีอนาคตไกล แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องกังวลและต้องคอยจับตามองก็คือ Cosmos จะสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆได้มากน้อยแค่ไหน และจะมีการพัฒนาระบบ Tokenomics เพื่อควบคุม Supply กับความต้องการของเหรียญ ATOM อย่างไร
.
บทความนี้ไม่ใช่การแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด
.
#DYOR ทำความเข้าใจเพิ่มเติมและวางแผนให้ดีก่อนลงทุน
#Cosmos #ATOM #SmartContracts #LayerOneBlockchain #Cross-Chain #Interoperability
.
https://cosmos.network/ecosystem/apps/
