Polkadot (DOT) คืออะไร

Polkadot (DOT) คืออีกหนึ่งแพลตฟอร์ม Smart Contracts ที่มุ่งเน้นในการแก้ปัญหาการทำงานร่วมกัน (Interoperability) ไปพร้อมๆกับการเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรมจำนวนมาก (Scalability)
.
Polkadot เกิดจากการที่ Gavin Wood หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เล็งเห็นว่า Blockchains แต่ละเครือข่ายนั้นมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง และจะไม่มี Chains ไหนที่สามารถครอบครองตลาดได้ทั้งหมด ในอนาคตจึงมี Chains ให้เลือกใช้งานมากมาย แต่การที่แต่ละ Chains นั้นมี Structure ที่แตกต่างกัน ทำให้ทำงานร่วมกันได้ยาก ดังนั้น จึงพัฒนา Polkadot ขึ้นมาเพื่อทำให้ Blockchains ทุกเครือข่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน
.
Polkadot นั้นเป็น Blockchain Layer-1 ที่มีการทำงานแบบ Sharded (เหมือนกับ Ethereum 2.0) และเลือกใช้กลไกการทำงานแบบ Nominated-Proof-of-Stake (NPoS) ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถือเหรียญ DOT สามารถเป็น Nominators หรือ Validators เพื่อช่วยในการตรวจสอบธุรกรรม และจะมอบเหรียญ DOT ให้เป็นการตอบแทน
.
โครงสร้างของ Polkadot ได้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน
Relay Chain — ทำหน้าที่เป็น Chain หลัก เพื่อเชื่อมต่อกับ Chains ย่อยอื่นๆ
Parachains — เป็น Customizable Chains ที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างเหรียญ, กำหนดระบบ Tokenomics, หรือออกแบบการทำงาน ได้อย่างอิสระ (ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 100 Slots)
Parathreads — มีความคล้ายคลึงกับ Parachains แต่มีความยืดหยุ่นกว่าในด้านการเชื่อมต่อ และสามารถใช้งานได้แบบ Pay-as-You-Go หรือ การจ่ายเงินตามการใช้งาน
Bridges — ที่ช่วยให้ Parachains และ Parathreads สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกอย่าง Ethereum ได้

จึงสามารถสรุปสั้นๆได้ว่า Polkadot ต้องการจะมาเป็น Blockchain Layer-0 ที่จะช่วยเชื่อมต่อ Blockchain Layer-1 (Parachains) เข้าหากัน

ส่วนเหตุผลที่จะดึงให้นักพัฒนามาใช้งาน Parachains ก็มีดังนี้
- มีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งนักพัฒนาสามารถปรับแต่งฟังก์ชั่นการทำงานภายในเครือข่ายได้อย่างอิสระ
- เนื่องจาก Polkadot เป็นระบบ Forkless Blockchain จึงทำให้สามารถอัพเกรดระบบทุกอย่างได้แบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Smart Contracts, Governance, รวมถึง Consensus จึงหมดปัญหาเรื่องการ Hard Fork
- สามารถเชื่อมต่อกับ Blockchains อื่นๆได้อย่างอิสระ ฐานผู้ใช้งานจึงไม่ถูกจำกัดอยู่แค่บน Chain ใด Chain หนึ่ง
- Polkadot ช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องกังวลกับการหา Validators จึงทำให้หมดห่วงเรื่องปัญหา 51% Attack
- Polkadot มี Kasuma ที่เปรียบได้กับสนามทดลองให้นักพัฒนาสามารถนำ Applications มาทดสอบ ก่อนที่จะนำไปเปิดให้ใช้งานจริงบน Polkadot (ย้ำว่า Kasuma ไม่ใช่ Testnet)
.
ในส่วนของ Tokenomics
Polkadot มีเหรียญที่ชื่อว่า DOT ซึ่งเป็นเหรียญที่ไม่มี Max Supply และมีอัตราเฟ้ออยู่ที่ 10% ในปีแรกและค่อยๆลดลงในปีถัดๆไป แต่ผู้ถือเหรียญสามารถนำ DOT ไป Stake เพื่อป้องกันการเฟ้อได้ โดยจะได้รับผลตอบแทนราวๆ 13% ต่อปี นอกจากการ Staking แล้ว เหรียญ DOT ยังสามารถนำไปใช้ในการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ Polkadot ได้อีกด้วย
.
เท่านั้นยังไม่พอ DOT ยังถูกใช้สำหรับการประมูลในระบบ Parachain Auctions และ Crowdloan ที่จะให้โปรเจคที่ชนะสามารถไป Deploy อยู่บน Parachains ได้ (มีจำกัดแค่ 100 Slots) ซึ่งผู้ที่ไปเข้าร่วมการประมูลจะได้รับผลตอบแทนเป็น Native Token ของโปรเจคนั้นๆ แต่จะต้องนำ DOT ไป Lock ไว้ถึง 2 ปี ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยเพิ่มความต้องการของเหรียญ DOT ได้อย่างมาก

ณ ตอนนี้ มีโปรเจคที่น่าสนใจเข้ามา Deployed อยู่บน Parachains ได้จำนวนหนึ่ง เช่น
Acala Network — แพลตฟอร์ม DeFi แห่งแรกบนเครือข่าย Polkadot
MoonBeam — แพลตฟอร์ม Smart Contracts ที่ทำให้ DApps ที่รองรับ EVM สามารถเข้าถึง Multi-Chain ได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดขึ้นมาใหม่

นับได้ว่า Polkadot เป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม Polkadot ก็มีคู่แข่งในตลาด Cross-Chain อีกหลายเจ้า อย่างเช่น Cosmos (ATOM), Blocknet (BLOCK), Wanchain (WAN), Axelar รวมถึงโปรเจคอื่นๆอีกมากมาย ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า Polkadot จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งมาดึงผู้ใช้งานไป
.
บทความนี้ไม่ใช่การแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด
.
#DYOR ทำความเข้าใจเพิ่มเติมและวางแผนให้ดีก่อนลงทุน
#Polkadot #DOT #SmartContracts #LayerOneBlockchain #Cross-Chain #Interoperability
.
https://polkadot.network/blog/