เก็บเหรียญ Cryptocurrency ให้ปลอดภัยด้วย Trezor Model T (Hardware Wallet)
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า สาเหตุที่เลือก Trezor Model T มาแนะนำก็เพราะว่าเป็น Hardware Wallet รุ่นเดียวที่เคยใช้งาน แต่จะขอนำรูปจาก https://blog.trezor.io/ มาใช้ประกอบ เนื่องจากผมได้ทำการแกะกล่องและเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งเจ้า Trezor Model T ก็จะเป็น Hardware Wallet รุ่นล่าสุดจากทาง Trezor (เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018) สามารถกด Pin code บนหน้าจอ Touch Screen ของ Hardware Wallet ได้โดยตรง ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งขอแนะนำเลยว่า Hardware Wallet เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆสำหรับนักลงทุน และผู้ที่ต้องการทำ Yield Farming บนโลก Decentralized Finance หรือ DeFi เพราะทุกครั้งที่เราจะทำธุรกรรมใดๆ จะต้องใช้ Hardware Wallet ในการอนุมัติก่อนเสมอ ทำให้ปลอดภัยต่อการถูกแฮกมากขึ้น
ภายในกล่องประกอบไปด้วย Trezor Model T, สาย USB Type C, กระดาษสำหรับจด Recovery seed, คู่มือการใช้งาน, สติ๊กเกอร์ และแม่เหล็กสำหรับติดผนัง (ตัว Hardware Wallet จะมีสติ๊กเกอร์ติดมา เพื่อให้มั่นใจว่ายังไม่ถูกใช้งานมาก่อน)


เอาหล่ะ ได้เวลาเตรียมใช้งาน Trezor Model T กันแล้ว
ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่ https://trezor.io/start/ และเลือก “Trezor Model T” จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราเช็คว่าสติ๊กเกอร์บน Hardware Wallet ของเรายังอยู่ในสภาพดี และมีโลโก้ของ Trezor ปรากฎชัดเจน เมื่อตรวจสอบแล้วให้กด “Continue to Wallet” ได้เลย

ขั้นตอนที่ 2: ให้เราเชื่อมต่อ Trezor Model T กับคอมพิวเตอร์ของเราผ่านทางสาย USB Type C ที่แถมมาให้
ถ้าเกิดว่า เชื่อมต่อ Hardware Wallet แล้วไม่มีอะไรขึ้นมา ให้ติดตั้ง Trezor Bridge ผ่าน https://wallet.trezor.io/#/bridge ก่อน
เมื่อเชื่อมต่อ Trezor Model T ได้แล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราติดตั้ง Firmware ให้เรากด “Install Firmware”

ขั้นตอนที่ 3: หลังจาก ติดตั้ง Firmware เรียบร้อย Trezor Model T ก็จะรีบูทตัวเอง ทีนี้ให้เรากด “Create Wallet” และเลือก “Create with Single Backup” จากนั้นให้เรากดตกลงบนหน้าจอ Trezor Model T
ต่อมา ที่หน้าจอจะขึ้นคำว่า Needs Backup! ให้เรากด “Create a backup in 3 minutes” ซึ่งพอเรากดแล้ว ก็จะมีคำเตือนว่า ห้ามถ่ายรูปหรือเก็บ recovery seed ของเราไว้บนคอมพิวเตอร์ หรือให้ใครเห็นเด็ดขาด (สำคัญมากนะ เพราะถ้าใครได้ Recovery seed ของเราไป เค้าก็สามารถจัดการเงินบนกระเป๋าของเราได้เลย) หลังจากนั้น ติ๊ก “I understand and I agree” และกด “Continue”
โปรดจำไว้ว่า Recovery seed นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าเราจะทำ Hardware Wallet ของเราหาย แต่ถ้า Recovery seed ยังอยู่ ก็สามารถกู้คืนกลับมาได้

ขั้นตอนที่ 3: ในขั้นตอนนี้เราจะมาจด Recovery seed ของเรากัน (Recovery seed จะแสดงให้เราเห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เตรียมตัวจดให้ดีๆ)
เริ่มจากการกด “I understand” บนหน้าจอ Trezor Model T จากนั้น Recovery seed จะแสดงขึ้นมา ให้เราจดทั้ง 12 คำลงบนกระดาษ (เรียงตามลำดับ 1–12 ด้วย) เมื่อจดเรียบร้อยให้เรา กดปุ่ม “Hold to confirm” ค้างไว้
จากนั้น Trezor Model T จะสุ่มถามเราว่าคำในลำดับต่างๆคือคำว่าอะไร ซึ่งเราก็ต้องตอบให้ถูก

ขั้นตอนที่ 4: เมื่อเรายืนยัน Recovery seed แล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาตั้งค่า Pin code กันบ้าง โดยเราสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ 4 – 9 ตัว หลังจากคอนเฟิร์ม Pin code ทั้งสองรอบ Trezor Model T ของเราก็พร้อมใช้งานแล้ว

ในบทความต่อไปเราจะมานำ Trezor Model T ของเราไปเชื่อมต่อกับ MetaMask เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน Web Wallet กัน
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถ ซื้อผ่านหน้าเว็บของ https://trezor.io/ ได้โดยตรง โดยราคาอยู่ที่ 149 EUR หรือถ้าต้องการของไวกว่านั้น ก็สามารถซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยได้ที่นี่ https://siambc.com/ ในราคา 7,990 บาท (ซื้อผ่าน Shopee, Lazada ก็ได้นะ)